covidzaa.com
Menu

อร่อยฟิน กับ 10 เมนูอาหารออสเตรีย ต้องลองเมื่อมาเที่ยวออสเตรีย!


“อาหารออสเตรีย (Austrian Food)” เป็นอีกหนึ่งสัญชาติอาหารที่น้อยคนนักจะรู้จัก หรือ ทานกันบ่อยครั้ง ซึ่งสาเหตุนั้นเป็นเพราะอาหารออสเตรียหาทานได้ยากในประเทศไทย อีกทั้งยังไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามหากได้ลองรับประทานดูแล้ว น้อยคนนักที่จะปฏิเสธ หรือ ไม่ถูกใจกับรสชาติอันแสนเข้มข้น ซึ่งโดดเด่นด้วยเนื้อสัตว์ และ วัตถุดิบมาพร้อมกับคาร์โบไฮเดรตสูงของอาหารออสเตรีย
The Rich of Austrian Food หรือ รสชาติอันกลมกล่อมของอาหารออสเตรียนี่เอง เป็นผลพลอยได้มาจากประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งในสมัยที่ประเทศออสเตรีย ปกครองด้วยจักรวรรดิฮับส์บูร์ก ประเทศแห่งนี้ มีประชากรทั้งหมด 51 ล้านคน และมีภาษาที่ใช้ในประเทศทั้งหมด 16 ภาษาเลยทีเดียว ความเป็นประเทศที่หลากหลายด้วยสัญชาติของประชากร จึงเกิดความต่างทางวัฒนธรรม ส่งผลให้อาหารออสเตรียมีการผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารหลายชาตินั่นเอง 

Wiener Schnitzel เป็นอาหารประจำชาติของประเทศออสเตรีย ที่เก่าแก่ และ มีคุณค่าสำหรับคนออสเตรียเป็นอย่างมาก ในชนิดที่ว่ารัฐบาลออสเตรีย ได้มีการออกกฎหมายปกป้องเมนูดังกล่าว และ เมนู Wiener Schnitzel ที่ถูกต้อง จะต้องทำมาจากเนื้อลูกวัวเท่านั้น ซึ่งหากนำเนื้อสัตว์ประเภทอื่นมาใช้แทน จะไม่สามารถเรียกว่า Wiener Schnitzel ได้ ซึ่งการทำก็ไม่ยาก เพียงแค่น้ำเนื้อลูกวัวมาแร่ ปรุงรสตัสเกลือ พริกไทย จากนั้นนำไปชุปแป้ง ไข่ และ เกล็ดขนมปัง และ นำไปทอดจนได้สีเหลืองทอง กรอบนอก นุ่มใน โดยตนออสเตรียส่วนใหญ่นิยมรับประทานเมนูนี้กับ เฟรนซ์ฟราย มะนาว สลัดแตงกวา หรือ สลัดมันฝรั่ง

อีกหนึ่งเมนูอาหารออสเตรีย ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับเมนู Wiener Schnitzel เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่เมนูนี้ ออกไปทางของหวานมากกว่านั้น คือ เมนู Apfelstrudel  หรือ แอปเปิ้ลสตรูเดิ้ล ซึ่งเมนู เกิดจากการนำแอปเปิ้ลฉ่ำๆ ไปปรุงรส ด้วยซอสหวาน ที่ให้ความหวาน และ ความเผ็ดเล็กน้อย จากเครื่องปรุงอย่าง อบเชย และ น้ำตาล จากนั้นจึงนำไปห่อด้วยแป้งพายเป็นชั้นๆ และนำไปอบให้สุก และกรอบนั่นเอง ในบางร้านจะใส่ลูกเกด และ แอลมอลเพิ่มเข้าไปด้วย ซึ่งจะทำให้เมนูเคี้ยวอร่อย และ มีความหวานมากขึ้นจากรสชาติธรรมชาติของวัตถุดิบ ชาวออสเตรียจะนิยมรับประทานเมนูนี้ควบคู่ไปกับซอสวานิลา วิปครีม และ ไอศรีมวนิลา อีกทั้งยังนิยมทานในเทศกาลสำคัญต่างๆ กับครอบครัว และ คนพิเศษ เช่น เทศกาลคริสมาร์ต เป็นต้น 

จริงๆ แล้ว เมนู Käsespätzle หรือ เคเซอชเป็ทซ์เลอ เป็นอาหารขึ้นชื่อของประเทศเยอรมัน อย่างไรก็ตาม เมนูดังกล่าวยังเป็นเมนูอาหารที่สามารถหาเจอได้ง่าย และ เป็นที่นิยมในประเทศออสเตรียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาค Vorarlberg และ ภูมิภาค Tyrol นั่นเอง เมนู Käsespätzle มองเผินๆ มีความคล้ายคลึงกับเมนู Mac and Cheese เป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของหน้าตา วัตถุดิบ และ รสชาติ อย่างไรก็ตาม แตกต่างจากเมนู Mac and Cheese โดยเมนูนี้จะใช้เส้นบะหมี่เกี๊ยวไข่ ขนาดเล็กที่ชื่อว่า เส้นชเป็ทซ์เลอ (Spätzle) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศฮังการี นำไปคลุกเคล้ากับซอสครีม ชีสประเภท Emmentaler จากนั้นท็อปด้วย หัวหอมที่นำไปทอดและปรุงรสอย่างเข้มข้นด้วยเนย และ คาราเมล นั่นเอง  อาหารออสเตรียจานนี้ นิยมรับประทานอย่างกว้างขวาง ในแทบชนบทที่มีอากาศหนาว เนื่องจากรับประทานได้ง่าย อิ่มท้อง และ ทำง่ายนั่นเอง 

อีกหนึ่งเมนูอาหารออสเตรียสุดคลาสสิกประจำกรุงเวียนนาเมืองหลวงของออสเตรียนั้น คือ เมนู Tafelspitz (ทาเฟลชปิทซฺ) ซึ่งเป็นเมนูเนื้อลูกวัวตุ๋นต้นตำรับเวียนนา โดยเมนูนี้มีความพิเศษคือ พ่อครัวชาวออสเตรีย จะทำการตุ๋นเนื้อลูกวัวด้วยไฟอ่อนในน้ำซุปรสชาติเผ็ดร้อนผสมรากผัก เครื่องเทศ และ สมุนไพรนานาชนิด พร้อมกับกระดูกวัว และตุ๋นจนเนื้อลูกวัวเปื่อยชนิดที่ว่าละลายในปาก จากนั้น นำมาหั่นเป็นชิ้นใหญ่พอดีคำ ราดด้วยซอสครีมแอปเปิ้ล-ฮอสแรดิช (Apple-Horseradish Sauce) และ ซอยกุยช่าย (Chive Sauce)  เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่ง แครอท และ น้ำซุปรสชาติเข้มข้น 

ซึ่งสาเหตุที่ต้องทาน Martinigansl วัน St. Martin นั้น เป็นเพราะว่าบาทหลวง Martin ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Bishop หรือ หัวหน้าบาทหลวง แต่เขาไม่อยากได้รับตำแหน่งนี้เพราะตำแหน่งดังกล่าวมาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมาย เขาจึงไปซ่อนตัวกับฝูงห่าน แต่แล้วฝูงห่านดันทรยศเขาด้วยการวส่งเสียงร้อง จนทำให้เจอตัวเขา และ โดยเรียกไปรับตำแหน่งหัวหน้าบาทหลวงจนได้ ด้วยความโกรธ ในคืนนั้นเขาจึงสั่งให้เอาห่านทั้งหมดมาทำเป็นอาหารกินในคืนเดียว จึงเกิดมาเป็นเมนูอาหารออสเตรีย  Martinigansl นั่นเอง  

Frittatensuppe เป็นซุปแพนเค้กสไตล์ออสเตรีย ทำจากน้ำซุปเนื้อ มีความหอม และ เข้มข้น มีส่วนผสมของเนื้อแป้งเครป ประเภท Palatschinke (พาลัทชิงเคอ) เป็นส่วนผสมหลัก โดยน้ำซุปดังกล่าว ปรุงโดยการต้มรากผัก หัวหอม และกระดูกวัวเข้าด้วยกัน จากนั้นเคี่ยวเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง สำหรับแป้ง Palatschinke (พาลัทชิงเคอ) หรือ แป้งสไตล์เครปบางๆ จะถูกนำไปทอดในกระทะและหั่นเป็นเส้นบางๆ ก่อนที่จะนำมาเคี้ยวพร้อมกับน้ำซุปนั่นเอง

เห็นหน้าตาเพลนๆ แบบนี้ บอกเลยว่าเมนูอาหารออสเตรียจานนี้ น่าสนใจมากๆ เพราะมันคือ “ชีสตับ” ที่ไม่ได้ทำมาจากทั้งชีส และ ตับ แต่กลับทำมาจากเนื้อบดปรุงรส มีส่วนผสมของ เนื้อวัว เนื้อหมู เบคอน และหอมหัวใหญ่ จากนั้นทำมาปั้นเป็นรูปทรงคล้ายกับมีทโลฟ การรับประทาน Leberkäse สามารถทานได้หลายแบบ โดยที่ได้รับความนิยม คือ การนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ ทานคู่กับขนมปังเนื้อแข็ง ปาดหน้าด้วยมัสตาร์ดรสเผ็ด หรือ จะทานเปล่าๆ โดยการนำไปทอด หรือ ไปอบก็ได้เช่นกัน 

Tiroler Knödel เป็นอาหารออสเตรียที่มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Tyrol มีลักษณะเป็นเกี๊ยวขนมปัง หรือ Bread Dumping ซึ่งทำจากขนมปังลูกเต๋า, ไข่, นม, หัวหอม, ผักชีฝรั่ง (หรือกุยช่ายฝรั่ง), ลูกจันทน์เทศ และเกลือ โดยส่วนผสมที่ทำให้หน้าตาของเกี๊ยวขนมปังนี้ มีความขรุขระนั้น คือ เบคอนหมักนั่นเอง เมนูนี้นิยมเสิร์ฟในน้ำซุป หรือ สามารถรับประทานเป็นเครื่องเคียงก็ได้ ซึ่งหากรับประทานเป็นเครื่องเคียง จะราดด้วยเนยละลาย ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นและทำให้รสชาติของเมนูนี้มีความกลมกล่อมมากขึ้น 

อีกหนึ่งเมนูอาหารออสเตรียหน้าตาประหลาด แต่บอกเลยว่ารสชาตินั้นอร่อยเหอะ ซึ่งนักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศออสเตรีย เพราะจานนี้หาทานยากมากในประเทศไทย ซึ่งเมนูดังกล่าวนั้น คือ เมนู Schupfnudeln (อ่านว่า ชุฟนูเดิล์น ) หรือ Fingernudeln หรือ ที่วสามารถแปลได้ว่า พาสต้านิ้วมือ เมนูนี้เป็นอาหารทานเล่น ทำมาจากมันฝรั่งบดผสมกับแป้ง จากนั้น ไปต้มจนสุก แล้วปรุงรสด้วยเกลือ และ เครื่องเทศต่างๆ จากนั้นเพื่อความหอมหวาน และ รสชาติที่กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ทางพ่อครัวออสเตรียจะนำจี่กับเนย เสิร์ฟพร้อมกับ กะหล่ำปลีดองที่มีรสชาติหวาน และ เปรี้ยว หรือ ปรุงรสด้วย Poppy Seed และ คัสตาร์ด

โดยหากคุณมาเที่ยวเวียนนา ร้านกาแฟที่คุณไม่ควรพลาดไปชิมกาแฟเวียนนาต้นตำรับแท้ๆ พร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศยุโรปสุดคลาสสิก ได้แก่ ร้าน Café Central ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่ชื่อดังแห่งกรุงเวียนนา เป็นร้านกาแฟหรู ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมฟลอเรนซ์ของประเทศอิตาลี และ ตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมที่สะท้อนเรื่องราวตั้งแต่สมัยที่ประเทศออสเตรียปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ ร้านนี้มีอายุเก่าแก่โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีค.ศ 1876  ซึ่งในสมัยก่อน สถานที่แห่งนี้ เป็นที่รวมตัวกันของนักปรัญญา และ นักวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นสถานที่เล่นหมากรุกยอดนิยมเพื่อจิบกาแฟระหว่างดวลหมากกันอีกด้วย

โพสต์โดย : ขั้นเทพ ขั้นเทพ เมื่อ 2 มิ.ย. 2567 18:08:47 น. อ่าน 33 ตอบ 0

facebook