covidzaa.com
Menu

3 วันในกรุงเรคยาวิก (Reykjavik) EP1

การพักผ่อนในประเทศไอซ์แลนด์ไม่มีช่วงใดเลยที่ทำให้รู้สึกเสียดายเวลา และการท่องเที่ยววันหยุดเป็นระยะเวลา 3 วันถือว่ามีความลงตัวที่สุด คุณจะได้เที่ยวชมเรคยาวิกและบริเวณใกล้เคียงอย่างเต็มอิ่ม ทำให้คุณรู้สึกว่าอยากกลับมาอีกครั้ง โปรแกรมแวะพักของไอซ์แลนด์แอร์ (Icelandair) ช่วยให้นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสามารถแวะพักที่ไอซ์แลนด์เป็นเวลา 1-7 วันได้โดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารเครื่องบินเพิ่มเติม และการแวะพัก 3 วันในเรคยาวิกนี้ ถือเป็นส่วนที่เสริมเข้ามาในทริปท่องเที่ยวยุโรปได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เรคยาวิกเป็นถิ่นที่อยู่ของประชากรครึ่งหนึ่งในประเทศ สามารถเดินเท้าท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมต่อการเที่ยวชมสิ่งที่เป็นไฮไลต์ของไอซ์แลนด์ได้อย่างละเอียด อย่างไรก็ดี การสร้างสมดุลระหว่างความคึกคักของเมืองหลวงกับแผนการเที่ยวชมทัศนียภาพอันงดงามของไอซ์แลนด์อาจเป็นเรื่องใหญ่ เราขอให้ความช่วยเหลือโดยการรวบรวมแผนการเดินทางที่ทำให้คุณได้ดื่มด่ำอย่างเต็มที่กับทัศนียภาพของเมืองและธรรมชาติระหว่างการแวะพักที่ดีที่สุดในเรคยาวิก


วันที่ 1

กรณีที่บินมาจากสหรัฐอเมริกา มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่คุณจะเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์แต่เช้าตรู่ หากคุณไม่ได้วางแผนเข้าพักก่อนเวลาที่โรงแรมกำหนด ให้นั่งรถฟลายบัส (Flybus) ซึ่งมีเนื้อที่กว้างขวางพร้อมบริการ WiFi จากสนามบินไปยังสถานีขนส่ง BSí (BSí Bus Terminal) จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังสกายลากูนเพื่อสัมผัสประสบการณ์สปาน้ำพุร้อนแห่งใหม่ล่าสุดในเรคยาวิก

น้ำพุร้อนของไอซ์แลนด์มีพลังในการบำบัดอาการเจ็ตแล็ก จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นทริปที่มีความสำคัญ และทิวทัศน์อันน่าทึ่งเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกก็สร้างความผ่อนคลายให้ด้วยเช่นกัน ทุ่มเงินซื้อบัตรสกายพาส (Sky Pass) ของสปาเพื่อรับโอกาสลองสัมผัสกิจกรรม 7 ขั้นตอนในการคืนความอ่อนเยาว์ ซึ่งรวมถึงการแช่น้ำเย็นจัด ซาวน่าอบแห้งพร้อมชมทิวทัศน์อันน่าทึ่ง และการสครับผิวแบบโฮมเมด นอกจากนี้ ยังมีคาเฟ่ในบริเวณพื้นที่บ่อ อย่าลืมซื้อหาของว่างมาลองท้องก่อนแช่น้ำพุร้อน แล้วค่อยรับประทานอาหารเช้ามื้อใหญ่เมื่อตัวคุณแห้งแล้ว


ช่วงบ่าย: เที่ยวชมดาวน์ทาวน์

สุดท้ายเมื่อคุณพร้อมที่จะออกเดินทางจากสกายลากูน ก็ถึงเวลาเข้าเช็คอินที่โรงแรมแล้ว ในส่วนของที่พักนั้น โรงแรมเรคยาวิกเอดิชัน (Reykjavik EDITION) เป็นตัวเลือกที่หรูหราและทันสมัย ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ริมน้ำของเมือง ติดกับศูนย์แสดงคอนเสิร์ตฮาร์ปา (Harpa) ที่ส่องประกายแวววาว เมื่อเข้าพักเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถใช้เวลายามบ่ายเพื่อเที่ยวชมเมืองและสถานที่สำคัญในเมืองได้

เดินเล่นริมน้ำชมประติมากรรมซันโวยาจเชอร์ (Sun Voyager) ที่เปล่งประกาย หรือเดินขึ้นเนินไปชมด้านในโบสถ์ฮัลกรีมสคิร์คยา (Hallgrimskirkja) ที่สูงเด่น ซึ่งสร้างด้วยศิลปะแบบเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ และตั้งตระหง่านอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าของเรคยาวิก (หากต้องการขึ้นไปชมวิวด้านบน จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม) จากนั้น เดินเที่ยวถนนเลยกาเวกูร์ (Laugavegur) ซึ่งเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นถนนคนเดินไปแล้ว ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำของเมือง หากต้องการพักรับประทานของว่าง ลองแวะมาชิมซุปในถ้วยขนมปังที่ ร้านสวาร์ตาคัฟฟีด (Svarta Kaffið) เมนูที่นี่เปลี่ยนทุกวัน แต่จะมีเพียงสองตัวเลือกเท่านั้น คือ สตูว์เนื้อและซุปมังสวิรัติ ไม่ว่าคุณจะสั่งอะไรก็ตาม ขอให้นั่งใกล้หน้าต่าง จะได้มองเห็นผู้คนภายนอกได้อย่างดีที่สุด

ช่วงสุดสัปดาห์คุณน่าจะเดินไปที่ตลาดนัดโคลาปอร์ติด (Kolaportið) ใกล้กับท่าเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการซื้อของที่ระลึกของไอซ์แลนด์ ตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งที่ดีที่สุดในการซื้อโลปาเปย์ซาแบบแฮนด์เมด อันเป็นเสื้อสเวตเตอร์ผ้าวูลที่มีลักษณะเฉพาะซึ่งคนท้องถิ่นสวมใส่ (และมักจะเย็บโดยคุณแม่ คุณย่า หรือคุณยาย) นอกจากนี้ ราคาที่ตลาดมักจะถูกกว่าร้านค้าริมถนนเลยกาเวกูร์สักเล็กน้อย


ช่วงเย็น: ท่องราตรีแบบคนท้องถิ่น

ช่วงเวลาอาหารค่ำ ลองออกทัวร์ชิมอาหารในเรคยาวิก หรือไปลิ้มลองรสชาติคิลเลอร์สเต็กที่ร้านกริลล์มาร์คาดูรินน์ (Grillmarkaðurinn) หลังอาหาร แวะดื่มเบียร์สัก 1-2 ไพนต์ที่ร้านสคูลีคราฟต์บาร์ (Skúli Craft Bar) ซึ่งคุณสามารถลองดื่มเบียร์หลากหลายประเภทในพื้นที่อันมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยคนท้องถิ่น ร้านนี้เป็นจุดที่ผู้คนนิยมมาดื่มกันหลังชมคอนเสิร์ต หากคุณต้องการดื่มค็อกเทล ให้เดินไปที่บาร์จังเกิล (Jungle) ซึ่งอยู่ใกล้เคียง ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องเมนูเครื่องดื่มที่มีรสชาติผลไม้เป็นตัวนำ (อย่าพลาดเครื่องดื่มไมเคิลสก็อต (Michael Scotch) ผสมวิสกี้ ไวท์พีช แอปริคอต และเลมอน)

และไม่ต้องกลัวในการเดินย้อนกลับไปกินอะไรกลางดึกที่ซุ้มขายฮอตดอกแบจารินส์เบซตู (Bæjarins Beztu) ซึ่งเป็นจุดที่คนท้องถิ่นไม่พลาดจะแวะหลังกลับจากบาร์ ชิมฮอตดอกสักหนึ่งอัน (สองอัน หรือสามอัน) แล้วจะเข้าใจได้อย่างดีเลยว่าเพราะเหตุใดสถานที่นี้จึงน่าดึงดูดใจเช่นนั้น


โพสต์โดย : Kingdom Kingdom เมื่อ 28 ม.ค. 2567 03:33:18 น. อ่าน 74 ตอบ 0

facebook