ปัญหาความรักหรือการเลิกกับแฟนเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่มีคนมาปรึกษาบ่อย ซึ่งปัญหานี้สามารถสร้างความทุกข์ใจและส่งผลกระทบได้มากกว่าที่หลายคนคิด แม้ว่าสำหรับบางคนแล้วการเลิกกับแฟนจะเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่สามารถ move on ไปได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มีหลายคนที่ไม่สามารถจะข้ามผ่านแผลใจที่เพิ่งเกิดมามาแบบสดใหม่ เพราะในการที่จะ move on จากการเลิกกับแฟนนั้นไม่ง่ายเสมอไป รวมถึงเวลาก็มีผลต่อการเยียวยาแผลใจของตนเองด้วยเช่นกัน ในบทความนี้จึงจะมาชวนทุกคนเรียนรู้ 6 วิธีดูแลแผลสดจากการเลิกกับแฟน ดังนี้
1. อนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึกอย่างที่ตัวเองรู้สึกจริง ๆ
หลังจากเลิกกับแฟน หลายคนพยายามที่ร่าเริงหรือกลับไปเป็นปกติให้เร็วที่สุด หลายคนก็พยายามจะใช้ความคิดข่มความรู้สึกของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้รู้สึก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันโอเคมากที่จะรู้สึกเสียใจ โกรธ เจ็บปวด ผิดหวัง หลังจากที่เพิ่งเลิกกับแฟน เพราะไม่ว่าใครมาเจอกับเรื่องแบบนี้ก็ย่อมจะรู้สึกไม่แตกต่างกัน ดังนั้น แทนที่จะพยายามห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึก คุณควรที่จะอนุญาตให้ตัวเองได้รู้สึกอย่างที่รู้สึกจริง ๆ มันจะดีกับคุณมากกว่า รวมถึงไม่ควรเร่งรัดตัวเองให้หายจากความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นได้ไว ๆ เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกแย่ลงยิ่งกว่าเดิม
ถึงแม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะหยุดดูแลตัวเองไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ โดยการดูแลนี้ไม่ใช่ทำไปเพื่อให้แฟนกลับมาสนใจหรือรีเทิร์นความสัมพันธ์ แต่เป็นไปเพื่อดูแลตัวเองจริง ๆ เช่น ดูแลเรื่องการกินการนอนของตัวเองให้เป็นปกติ เข้าร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมที่ช่วยดึงคุณออกมาจากความรู้สึกจมปรัก หาเพื่อนคุยเพื่อลดความรู้สึกโดดเดี่ยวถูกทอดทิ้ง
3. เรียนรู้วิธีในการเมตตาตัวเอง (self-compassion)
หลายคนมักจะกล่าวโทษตำหนิตัวเองหลังจากเลิกกับแฟน เช่น “เขาเลิกกับฉันแสดงว่าฉันต้องมีอะไรที่ไม่ดีแน่ ๆ เลย” “ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมเขาเลิกรักฉัน” แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่จะถูกรักก็ไม่ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบเสมอไป ดังนั้น มันจำเป็นต้องค้นหาว่าคุณผิดพลาดอะไรตรงไหน แต่สิ่งที่คุณควรทำในช่วงที่แผลยังสดใหม่ก็คือ เรียนรู้ที่จะเมตตาตัวเองและไม่ใจร้ายกับตัวเองด้วยการเอาแต่โทษกล่าวโทษตำหนิตัวเอง
อดีตได้ผ่านไปแล้ว แม้มันจะเคยจริงอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งแต่ในปัจจุบันถ้ามันไม่จริงแล้วก็เสียเวลาที่จมอยู่กับมัน ส่วนอนาคตก็เป็นเวลาที่ยังมาไม่ถึง การไปหมกมุ่นครุ่นคิดหรือกังวลว่าต่อไปจะเป็นยังไงมันก็เสียเวลาเช่นกัน เพราะเมื่อวันพรุ่งนี้มาถึงจริง ๆ มันก็อาจจะสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เกิดขึ้นทำให้ต้องคิดวิธีแก้ปัญหาขึ้นมาใหม่อยู่ดี แต่ปัจจุบันนั้นต่างออกไป เพราะมันคือช่วงเวลาเดียวที่คุณสามารถลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ได้ สามารถดื่มด่ำและมีความสุขกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริง ๆ ได้ ดังนั้น แทนที่จะโหยหาอดีตหรือกังวลกับอนาคตซึ่งภาพต่าง ๆ ล้วนเกิดขึ้นในจินตนาการ คุณควรจะหันมาโฟกัสกับปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณมีชีวิตอยู่แบบจริง ๆ จะดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่จีบกันเขาเคยซื้อดอกไม้ช่อใหญ่มาเซอร์ไพรส์คุณ แต่ปัจจุบันทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ต่อให้หมกมุ่นครุ่นคิดจนหมดเวลาไปทั้งวันก็ไม่สามารถจะย้อนวันเวลากลับได้ แล้วจะเสียเวลาชีวิตไปกับสิ่งที่ไม่จริงต่อไปแล้วเพื่ออะไรกัน?
5. อย่าเพิ่งรีบมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่
การให้เวลาตัวเองเพื่อเยียวยาแผลใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากคุณเพิ่งเลิกกับแฟนมาหมาด ๆ คุณควรใช้เวลาเพื่อรักษาแผลใจให้หายดีก่อน ซึ่งสำหรับบางคนก็อาจจะไม่ยากเพราะอาจยังเข็ดกับความรักครั้งเก่าอยู่ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่หลังจากเลิกกับแฟนแล้วเกิดความรู้สึกเหงา รู้สึกตัวเองไร้ค่า สูญเสีย self-esteem ไปมาก ซึ่งในจุดนี้ต้องระวัง เพราะหากคุณอาศัยการมีคนใหม่เพื่อมาปิดแผลสดของตัวเอง คุณอาจรีบร้อนเกินไปจนไม่ทันได้ทบทวนให้ดีว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้มันเป็นความรักจริง ๆ หรือมันเป็นเพียงความสัมพันธ์คั่นเวลาในช่วงเหงา
6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
ปัญหาความรักดูเผิน ๆ มันอาจจะเหมือนเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาขึ้นมาได้ แต่ในความจริงแล้วปัญหาความรักสามารถส่งผลกระทบต่อบางคนได้ถึงระดับที่รุนแรง โดยเฉพาะคนที่มีบาดแผลในใจมาจากครอบครัวที่ส่งผลต่อมุมมองต่อความรักของตนเอง หรือในทางตรงข้ามคือเป็นคนที่เติบโตมากับครอบครัวที่ตามใจทำให้ไม่คุ้นชินกับความผิดหวัง วิธีการดูแลตัวเองต่าง ๆ จึงอาจไม่ได้ผลสำหรับคนที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากการเลิกกับแฟนในระดับที่รุนแรง เช่น กินไม่ได้นอนไม่หลับติดต่อกันหลายสัปดาห์ ความสามารถในการเรียนหรือการทำงานบกพร่องลง สมาธิความจำแย่ลง ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยากขึ้น มีความคิดทำร้ายตัวเอง ฯลฯ ซึ่งคนที่มีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
โพสต์โดย : เจ้าหนู เมื่อ 14 พ.ย. 2566 05:58:12 น. อ่าน 64 ตอบ 0